StumbleUpon: Favorites
comosa by mohjai herbal textbookcomosa เป็นสมุนไพร สำหรับสตรี ที่มีปัญหาภายในตั้งแต่เล็ก จนใหญ่ ปวดประจำเดือน กระบังลมหย่อน ช่องคลอดไม่กระชับ มีกลิ่น ตกขาว ขุ่นข้นเหม็นคาว ก้าวไปเป็นมะเร็งในที่สุด ผิงพรรณไม่ผ่องใส มีสิวมีฝ้า หน้าตกกระ ภูมิแพ้ เป็นประดง เลือดลมไม่ดี มีความดัน ไขมันในเลือด สุขภาพไม่สมบูรณ์ ไม่เคยอยู่ไฟ สมัยคลอดบุตร ราคากล่องละ 950 บาท มี 30 แคปซูล ถ้าซื้อห้ากล่องขึ้นไป ราคา 600 บาทเท่านั้น ส่งให้ฟรี ทั่วโลก ติดต่อได้ที่ 028107832 www.patsiri.com
รวมคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ ปี 2555-2560
โดยพระอริยะสงฆ์ของไทย
...
คำตอบจากพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล
คำถามนี้ถามเนื่องจาก เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ย. 2552 เวลาสองทุ่มกว่าๆ เกือบสามทุ่ม หลวงปู่พูดเปรยๆว่า:
อีก 3 ปีไทยจะขาดแคลนน้ำ(เพราะน้ำจืดไม่มี มีแต่น้ำเค็ม) แต่ที่ไหนมีการแก้ไข ก็จะมีน้ำพออยู่กันได้
ประมาณนี้.. ซึ่งเราก็เลยสงสัยเล็กน้อย ก็เลยคุยกับเพื่อนๆ คนนู้นคนนี้ เพื่อนคนหนึ่งเลยบอกให้ตั้งคำถามถามหลวงปู่สิ คนที่อยากรู้คงมีเยอะ เราจึงได้ถามคำถามไป 5 ข้อค่ะ และเมื่อวาน วันที่ 28 พ.ย. 2552 เวลาดึกๆหลังสามทุ่ม หลวงปู่ก็ตอบค่ะ:
1. เฉพาะกับเหตุการณ์ครั้งนี้ มีรายละเอียดเรื่องนี้ในพระไตรปิฎก เล่มไหน หน้าไหน หรือเปล่าคะ (ส่วนเหตุการณ์ภัยพิบัติอื่นๆ หนูได้อ่านพระไตรปิฎกตามหัวข้อที่วัดคัดลอกมาแล้ว)
หลวงปู่บอกว่า ทำนายฝัน พระเจ้าปเสนทิโกศล .. เหตุภัยพิบัติมันมีมานานแล้ว และมันก็ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ มา ไป มา ไป เป็นธรรมดาๆของมัน ไม่ถึงขนาดในหนังเรื่อง 2012 ที่มันเว่อร์ๆแบบนั้นหรอก
2. ขาดแคลนน้ำด้วยสาเหตุอะไรคะ
หลวงปู่บอกว่า เพราะน้ำจืดไม่มี มีแต่น้ำเค็ม เครื่องกรองน้ำเค็มเป็นน้ำจืดเดี๋ยวนี้ก็มี(ที่ประเทศบาห์เรน) แต่พอถึงเวลานั้นมันใช้ไม่ได้หรอก(คงเป็นเพราะสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน ระบบไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก)
3. และพระอาจารย์พอจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมได้หรือไม่คะ ว่าท่านเห็นอะไรและอย่างไรบ้าง ผู้ช่วยอ่านคำถามบอกว่า เริ่มวิตกแล้วล่ะ
หลวงปู่บอกว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะตายหรอก ได้ตายแน่ๆแหละ(คนเราเมื่อหมดอายุขัยก็ต้องตายด้วยกันทุกคน)
4. ที่อื่นๆนอกจากแถวน้ำหนาว พออยู่ได้ไหมคะ เช่น กรุงเทพ, นครปฐม, อเมริกาเหนือ
หลวงปู่บอกว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งทวีป อยู่ได้หมด ที่ไหนมีการแก้ไขก็อยู่ได้ อุทิศบุญต่างๆนานา เกิดปัญหาอะไรก็ให้ค่อยๆแก้ไขไป
ผู้ช่วยถามคำถามถามหลวงปู่ว่า มีคนรอดเยอะไหม
หลวงปู่บอกว่า รอดเยอะมาก และตายเยอะมากเช่นกัน
5. หนูและครอบครัวถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างเคร่งครัด พอช่วยได้ไหมคะ
หลวงปู่บอกว่า ตอบไปแล้ว
ประมาณนี้ค่ะ.. ขอบคุณค่ะ
ไฟล์เสียง คำตอบจากพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
ที่มา http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=2268.0
*****************************************************************
คำเตือนจากปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแยอายุ 109 ปี
ปู่บอกว่าภัยพิบัติจะเกิดตามหนังสือพุทธทำนายไว้ จะแรงบ้างหรือเบาบ้างขึ้นอยู่กับว่าครูบาอาจารย์ได้ช่วยไว้หรือไม่ แต่ปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556 เหตุการณ์จะรุนแรงมาก ด้วยเหตุ 3 อย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ประการแรก บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ หาก..... ละสังขาร ประการสอง พายุจะถล่มเมืองไทย และที่อื่นๆ ประการสามน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในโลก หลายๆประเทศจะต้องเกิดเหมือนกัน จะรุนแรงไปเรื่อยๆ ผู้คนจะตายมากเป็นประวัติการณ์ ผู้คนจะเหลือแค่ 30% ของประชากรที่นั้นๆ
ปัจจุบันนี้ผู้คนไม่มีศีลธรรม ไม่ละอายแก่บาป เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่กรรมของใครๆ แต่นี่คือวัฎรจักรของโลก บ้านเมืองเจริญขึ้น แต่จิตใจมนุษย์เจริญลง ยิ่งการสมสู่มนุษย์ต่อกันเดียวนี้ไม่มีเลือกผัวเลือกเมียหรือลูกหลาน นี่แหละกลียุคตามคำทำนายขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพุทธโคดม เหตุดังกล่าวจะเบาลงและสิ้นสุดปี 2560 ผู้คนที่รอดพ้นจากภัยพิภัยคือผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรม กตัญญูต่อบิดามารดา ละอายแก่บาป จงเป็นผู้รู้ในกิเลส และผู้ตื่นจากกิเลส สุดท้ายก็ไกลจากกิเลส
ภัยพิบัติที่จะเกิด เมืองไทยจะมีการเตือนภัยล่วงหน้า จากในหลวงของเรา และท่านสมิทธ ธรรมสโรช (พูดแบบภาษาธรรม พระองค์ท่านในหลวงและคุณสมิทธมีสื่อจากผู้ดูแลมนุษย์ในโลกนี้ จะบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้คนเตรียมตัวหนีจากภัยที่จะเกิด) ส่วนเส้นทางหลบหนีปู่บอกว่าผู้คนจะหนีมุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ และรถจะติดมากผู้คนต่างแย่งกันโกลาหลน่าดู และสุดท้ายหางแถวจะหนีไม่รอดนั้นเอง สระบุรีตั้งที่องค์พระนั่งสูง ตรงนั้นแผ่นดินจะยุบตัวลง เพราะข้างล่างเป็นบ่อน้ำใต้บาดาล ส่วนถนนที่พอจะรอดก็คือ กบินทร์-นครราชสีมา,นครนายก หรือเส้นทางอื่นๆที่ไม่ใช่มิตรภาพ แต่ส่วนมากผู้คนจะเลือกเส้นทางมิตรภาพมากเพราะไปได้ทั้งเหนือและอีสาน ขอเตือนไม่จำเป็นจะต้องไปอีสานอย่างเดียวนะครับ ภาคเหนือก็ไปได้
(ปู่บอกแล้วเตือนแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่บุญของเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมส่วนมากจะรอด แม่บอกอย่างนี้) มนุษย์จากตัวใหญ่ลงมาถึงตัวเล็ก และกำลังเปลี่ยนแปลงจากเล็กไปหาใหญ่เรื่อยๆ สังเกตุจากลูกหลานจะเริ่มสูงใหญ่กว่าพ่อแม่แล้ว และค่อยเป็นค่อยเปลี่ยนไปตลอด
ปล.ลูกเมืองสกลฯ องค์ปู่อินทร์,ปู่ปิยะ และครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ คือพ่อ
ที่มาhttp://board.palungjit.com/
*****************************************************************
เมย์พบพระผู้มี "อภิญญา" มีฤทธิ์มาก ท่านฝากเตือนมาว่า เวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว (ก่อน พ.ศ. 2560)
พระ ผู้มีอภิญญาฤทธิ์ ลูกศิษย์เรียกท่านว่า "หลวงปู่ประเสริฐ"
"หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านมีอภิญญาสูง มีฤทธิ์มาก เมย์เห็นมากับตาหลายครั้ง และลูกศิษย์ ก็เห็นมาหลายคน ใครเคยประสบด้วยตนเอง ช่วยมาโพสต์ในนี้ให้เพื่อนๆอ่านด้วยค่ะ (แต่วันนี้เมย์จะไม่เล่าเรื่อง อภิญญา ของหลวงปู่ เพราะมันเยอะ พิมพ์ไม่ไหว) แต่เมย์จะเล่าเรื่อง วาระสุดท้ายของโลกมนุษย์ค่ะ
เมย์ ไปพบท่านเมื่อไม่นานมานี้เอง ไปกับกลุ่มของเพื่อนคุณพ่อค่ะ วันนั้นไปกันราว 10 คน พวกเรานั่งรถตู้ของเพื่อนคุณพ่อเมย์ นั่งรถตู้จากกรุงเทพ 8.00 น. กว่าจะถึง สำนักสงฆ์ของท่าน ก็เกือบเที่ยงอ่ะค่ะ เส้นทางวกวน เหมือนเขาวงกต เพราะสำนักสงฆ์อยู่บนเขาสูง (แถวนั้นเรียกว่า "ลำพญากลาง") สูงจากพื้นดินมากค่ะ เพราะทุกคนในรถตู้รู้สึก "หูอื้อ" ทุกคน พอไปถึงก็ยังไม่พบท่านหรอกค่ะ เพราะท่านอยู่ใน กุฏิ ด้านหลัง ซึ่งห้ามไม่ให้ใครเข้า สภาพของสำนักสงฆ์เรียบง่าย มีกุฏิ 2 หลัง, มีวิหารเล็กๆ 1 หลัง, มีโรงครัวเล็กๆ 1 หลัง, มีห้องน้ำราว 10 ห้อง ทั้งหมดมาจากเงินจากผู้บริจาค ของผู้ที่มากราบท่านทั้งสิ้น
เพราะ หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 มาตั้งแต่ที่นี่ยังเป็นป่าอยู่เลย ยังไม่มีอะไรเลย มีแต่ป่าทั้งนั้น พอท่านอยู่ไปก็มี ผู้คนไปกราบไหว้ รวมคนที่ไปกราบท่านจนถึงปัจจุบันก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 100,000 คนค่ะ
แล้ว หลวงปู่ท่านก็เดินลงมา แล้วตรงมาที่กลุ่มของเมย์ หลวงปู่ท่านอายุน่าจะ 80 ปีได้ค่ะ รูปร่างสูงสง่างาม (น่าจะสูงเกิน 180 ซม.) ดูท่านใจดี ลักษณะการเดินของท่านดูสูงส่งมากค่ะ (เดินสง่างาม น่าเลื่อมใส อธิบายไม่ถูก) น้ำเสียงที่นุ่มนวล ท่านบอกกับทุกคนว่า "เอาล่ะนะ" ถึงเวลาที่ชั้นจะบอกเรื่องสำคัญล่ะนะ ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วไปเตือนผู้คน และคนอื่นๆ
ท่าน ก็เริ่มเทศนาว่า... แท้จริง ประเทศไทย และ ทุกประเทศทั่วโลก น่าจะพบกับความหายนะครั้งใหญ่ จากภัยธรรมชาติใหญ่ ซึ่งผู้คนต้องตายเกือบหมดโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 แต่ที่มันไม่เกิด ก็เพราะว่า มีพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หลายท่าน รวมไปถึงเทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ ช่วยกัน อธิษฐานจิต ให้เหตุการผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริง มันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น ยังไงๆเหตุการณ์ภัยธรรมชาตใหญ่ิ และความหายนะครั้งใหญ่ ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
นับ แต่เวลาี้นี้ พ.ศ. 2552 แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว และจะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนได้อีกแล้ว ต่อจากนี้ไป ภัยธรรมชาติ และความหายนะครั้งใหญ่ จะค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆมากขึ้นๆ โดยเริ่มทีละน้อยจาก พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป จะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นๆ สารพัดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว, พายุ, ภูเขาไฟระเบิด, น้ำทะเลสูงท่วมแผ่นดิน, หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเลทั้งหมด และสารพัดอย่างจะประดังเข้ามา ฯลฯ
ทุกอย่าง จะจบสิ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 มนุษย์ที่ศีลไม่ครบ จะถูกภัยธรรมชาติใหญ่ คร่าชีวิตทั้งหมด และมนุษย์ที่รอดชีวิตนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่รอดชีวิตส่วนมาก จะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต หลวงปู่บอกว่า เอายังงี้ละกันนะ คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุด คือรอดประมาณ 20-30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง พูดง่ายๆ ตายเกือบหมดประเทศนั่นแหละ จะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆเท่านั้นเอง
หลัง ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษย์ชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่ เรียกว่ายุคศิวิไลซ์ เนื่องจากคนไทยจะเหลือมากที่สุด (20-30 %) ต่อไปประเทศไทยจะได้เป็น มหาอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้นจะเปลี่ยนทัศนะคติ ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเงินทองอีกเลย แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการ บำเพ็ญบุญ-กุศล
ท่าน ว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว เหตุการณ์มันกำลังจะมาถึงแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆทำ เลิกใช้ชีวิตแบบโง่เขลาเบาปัญญาเสียที สิ่งที่จะติดตัวเราไปมีเพียง บุญ-บาป เท่านั้น จำไปบอกต่อๆกันด้วยนะ ลูกหลาน ขอให้เอาชีวิตรอดให้ได้นะ ชั้นก็มีเรื่องจะบอกเท่านี้แหละนะ เจริญพร.......ทุกคนก็กราบท่าน ด้วยความกลัว ใจหวิวๆ บอกไม่ถูกค่ะ
ตอน จะกลับ เมย์ว่าจะถ่ายรูปของหลวงปู่ มาให้เพื่อนๆใน "เว็บพลังจิต" ดูซะหน่อย แต่ทางสำนักสงฆ์ ติดป้ายไว้ว่่า "ห้ามถ่ายรูป" อ่ะค่ะ ...เอาไว้เพื่อนๆลองไปกราบหลวงปู่ท่านเองละกันนะคะ เมย์บอกที่อยู่ให้แล้วอ่ะค่ะ
เมย์ขอปิดท้ายค่ะ ชาวพุทธทุกคนทราบดีว่า พุทธศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็นอยู่ที่ ในวันภัยพิบัติ คนที่จะรอดชีวิต ต้องมีศีลมีธรรมจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนจะรอดค่ะ
ที่มา http://board.palungjit.com/
******************************************************************
คำทำนายของหลวงปู่สรวง
."หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล" กล่าวไว้ว่า พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้
[อ้างอิง หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้...]
ที่มา http://board.palungjit.com/
ดูเพิ่มเติม www.patsiri.com
healthcaresiri
comosa by mohjai herbal textbook comosa เป็นสมุนไพร สำหรับสตรี ที่มีปัญหาภายในตั้งแต่เล็ก จนใหญ่ ปวดประจำเดือน กระบังลมหย่อน ช่องคลอดไม่กระชับ มีกลิ่น ตกขาว ขุ่นข้นเหม็นคาว ก้าวไปเป็นมะเร็งในที่สุด ผิงพรรณไม่ผ่องใส มีสิวมีฝ้า หน้าตกกระ ภูมิแพ้ เป็นประดง เลือดลมไม่ดี มีความดัน ไขมันในเลือด สุขภาพไม่สมบูรณ์ ไม่เคยอยู่ไฟ สมัยคลอดบุตร ราคากล่องละ 950 บาท มี 30 แคปซูล ถ้าซื้อห้ากล่องขึ้นไป ราคา 600 บาทเท่านั้น ส่งให้ฟรี ทั่วโลก ติดต่อได้ที่ 028107832 www.patsiri.com
วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554
StumbleUpon: Favorites
วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ยาสตรี โคโมซา ตราหมอจ๋าย
- comosa by mohjai herbal textbook
- comosa
- เป็นสมุนไพร สำหรับสตรี ที่มีปัญหาภายในตั้งแต่เล็ก จนใหญ่ ปวดประจำเดือน กระบังลมหย่อน ช่องคลอดไม่กระชับ มีกลิ่น ตกขาว ขุ่นข้นเหม็นคาว ก้าวไปเป็นมะเร็งในที่สุด ผิงพรรณไม่ผ่องใส มีสิวมีฝ้า หน้าตกกระ ภูมิแพ้ เป็นประดง เลือดลมไม่ดี มีความดัน ไขมันในเลือด สุขภาพไม่สมบูรณ์ ไม่เคยอยู่ไฟ สมัยคลอดบุตร ราคากล่องละ 950 บาท มี 30 แคปซูล ถ้าซื้อห้ากล่องขึ้นไป ราคา 600 บาทเท่านั้น ส่งให้ฟรี ทั่วโลก ติดต่อได้ที่ 028107832 www.patsiri.com
วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554
comosa for lady health
comosa ;โคโมซา ยาตำรับหมอจ๋าย เป็นสมุนไพรชั้นยอดในยุคปัจจุบัน เราได้คัดสรรค์ สมุนไพรนานา ชนิด เช่น
ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ ไพล ดอกคำฝอย ขี้เหล็ก ฝาง แสมสาร เจตมูลเพลิง และสมุนไพรอื่นอีกหลายชนิด มาผสม ตามสูตร ของตำรับหมอจ๋าย ซึ่งทั่วโลกทั่วไปยอมรับสรรพ คุณ จากการที่ได้เลือกใช้ มาหลายร้อยปี ตราบเท่าทุกวันนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้ว สำหรับ สตรีที่มีปัญหา ปวกประจำเดือน มดลูก หย่อน ช่องคลอดมีกลิ่น ตกขาว ขุ่นข้นเหฒ้นคาว มดกฤต มดฆาต ฝีร้ายหรือมะเร็งในมดลูก ช็อกแลตซีส เป็นสิว เป็นฝ้า ปะดง เป็นผื่นคัน นอนไม่หลับ รวมทั้งคนสูงวัย สมัยคลอดบุตร ไม่ได้อยู่ไฟ สมัยมีลูกเลือดร้ายตกค้างไว้ จะทำลายสุขภาพ ทำให้เป็นมะเร็ง หรือ ช่องคลอดมีกลิ่น นอกนนั้น ยังทำให้ช่องคลอดกระชับ ไม่ต้องทำรีแพร์ รับรองได้มีคนใช้ได้ผลมากมาย ติดต่อได้ที่ www.patsiri.com
ต้องการ ฟังวิทยุออนไลน์ เรื่องสมุนไพร โคโมซา ไปที่ www.bom5.com/885
tel 028107832 0868030656
ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ ฝาง คำฝอย ขี้เหล็ก แสมสาร เจตมูลเพลิง ไพล
ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ ไพล ดอกคำฝอย ขี้เหล็ก ฝาง แสมสาร เจตมูลเพลิง และสมุนไพรอื่นอีกหลายชนิด มาผสม ตามสูตร ของตำรับหมอจ๋าย ซึ่งทั่วโลกทั่วไปยอมรับสรรพ คุณ จากการที่ได้เลือกใช้ มาหลายร้อยปี ตราบเท่าทุกวันนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้ว สำหรับ สตรีที่มีปัญหา ปวกประจำเดือน มดลูก หย่อน ช่องคลอดมีกลิ่น ตกขาว ขุ่นข้นเหฒ้นคาว มดกฤต มดฆาต ฝีร้ายหรือมะเร็งในมดลูก ช็อกแลตซีส เป็นสิว เป็นฝ้า ปะดง เป็นผื่นคัน นอนไม่หลับ รวมทั้งคนสูงวัย สมัยคลอดบุตร ไม่ได้อยู่ไฟ สมัยมีลูกเลือดร้ายตกค้างไว้ จะทำลายสุขภาพ ทำให้เป็นมะเร็ง หรือ ช่องคลอดมีกลิ่น นอกนนั้น ยังทำให้ช่องคลอดกระชับ ไม่ต้องทำรีแพร์ รับรองได้มีคนใช้ได้ผลมากมาย ติดต่อได้ที่ www.patsiri.com
ต้องการ ฟังวิทยุออนไลน์ เรื่องสมุนไพร โคโมซา ไปที่ www.bom5.com/885
tel 028107832 0868030656
ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ ฝาง คำฝอย ขี้เหล็ก แสมสาร เจตมูลเพลิง ไพล
วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554
healthcaresiri: stritep mohjai
healthcaresiri: stritep mohjai: "ยาสตรีเทพ ตำรับหมอจ๋าย สืบทอดมาจากสมุนไพรแพทย์แผนโบราณนานหลายร้อยปี โดย Patsiri Longsiri เมื่อ 4 มิถุนายน 2011 เวลา 13:51 น. บันทึกของคุณถู..."
stritep mohjai
ยาสตรีเทพ ตำรับหมอจ๋าย สืบทอดมาจากสมุนไพรแพทย์แผนโบราณนานหลายร้อยปี
โดย Patsiri Longsiri เมื่อ 4 มิถุนายน 2011 เวลา 13:51 น.
บันทึกของคุณถูกสร้างแล้ว
ระวัติ สมุนไพรแผนโบราณ
ประวัติการแพทย์แผนโบราณ นั้นเริ่มมีบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งในสมัยนั้นมีชายผู้หนึ่ง ชื่อ ชีวกโกมารภัจจ์ มีความสนใจศึกษาวิชาการแพทย์ เพราะเห็นว่าเป็นวิชาชีพ ที่ไ่ม่เบียดเบียฬผู้ใดท่านเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ปราถนาที่จะให้มนุษย์มีความสุข จึงได้ไปศึกษาวิชาการแพทย์ ในสำนัก ทิศาปาโมกข์ แห่งเมืองตักศิลา ท่านเป็นผู้ที่ฉลาดมีความสามารถ ในการเรียนรู้เรียนได้มากเรียนได้เร็วความทรงจำดี ใช้เวลาเรียนน้อยกว่าผู้อื่น เมื่อจบวิชาการแพทย์แล้ว สามารถรักษาคนไข้ครั้งเดียวหายได้ในเวลาต่อมาพระเจ้าพิม0พิศาล ทรงประชวรด้วยโรคริดสีดวง ทวาร ก็ทรงโปรดให้หมอชีวกเข้าไปถวายการรักษาด้วยการทายาเพียงครั้งเดียวก็หาย จึงโปรดให้เป็นแพทย์หลวงประจำพระองค์ และบำรุงพระสงฆ์ นับว่าหมอชีวกโกมารภจน์ เป็นแพทย์ผู้มีความรู้ ความสามารถสมัยพุทธกาลมีผู้เคารพยกย่องมากมาย
ประวัติการแพทย์แผนโบราณในประเทศไทย
การแพทย์แผนโบราณก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินธิ์
ประวัติการแพทย์แผนโบราณในประเทศไทยนั้น ได้มีการค้นพบศิลาจารึกของอาณาจักรขอมประมาณปี พศ 1725-1729ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลโดยการสร้างสถานพนาบาล เรียกว่าอโรคยาศาลาโดยมีหน้าที่ทำการรักษาพยาบาล ได้แก่หมอ พยาบาล เภสัชกรรวม 92 คนมีพิธีกรรมบวงสรวงพระไภสชยคุรุไวฑูรย์ ด้วยยาและอาหาร ก่อนแจกจ่ายไปยังผู้ป่วย ต่อมามีการค้นพบหินบดยาสมัยทราวาราวดี และศิลาจารึกของพ่อขุนราคำแหงมหาราช ในสมัยสุโขทัยได้บันทึกไว้ว่า ทรงสร้างสวนสมุนไพรขนาดใหญ่บนเขาหลวงหรือเขาสรรพยา เพื่อให้ราษฏรได้เก็บสมุนไพรไปใช้รักษาโรคยามเจ็บป่วย
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ค้นพบบันทึกว่า มีระบบการจัดทายาที่ชัดเจนสำหรับราษฏร มีแหล่งจำหน่ายยาหลายแห่ง ทั้งในและนอกกำแพงเมืองมีการรวบรวมตำรับยาต่างๆ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแพทย์แผนโฌบราณ เรียกว่า ตำราพระโอสถพระนารายณ์ การแพทย์แผนโบราณมีความรุ่งเรืองมากโดยเฉพาะการนวด ในสมัยนั้นการแพทย์แผนตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาท โดยมีมิชชันนารี่ชาวฝรั่งเศษเข้ามาจัดตั้งโรงพยาบาลรักษาโรค แต่ขาดความนิยมจึงได้ล้มเลิกไป
การแพทย์แผนโบราณในสมัยกรุงรัตนโกสินธิ์
รัชการที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธาราม หรือวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ให้ชื่อว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคาคลารามทรงให้รวบรวมและจารึกตำรายา ฤาษีดัดตน ตำราการนวดไว้ตามศาลาราย ส่วนการจัดหายาของทางราชการมีการจัดตั้งกรมหมอและโรงพระโอสถคล้ายกับในสมัยอยุทธยา แพทย์ที่รับราชการเรียกว่าหมอหลวงส่วนหมอที่รักษาราชการทั่วไปเรียกว่า หมอราษฏร หรือหมอเชลยศักดิ์
รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพรพะเจ้าอยู่หัวพระพุทธเลิษหล้านภาลัยทรงเห็นว่าคัมภีร์แพทย์ณโรงพระโอสถสมัยอยุธยานั้นสูญหายไป เนื่องจากตอนนั้นมีสงครามกับพม่า 2 ครั้งบ้านเมืองถูกทำลายและราษฏรรวมทั้งหมอแผนโบราณถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยทำให้ตำรายาและข้อมูลเกี่ยวกับการแพทย์ของไทยถูกทำลายไปด้วยจึงมีพระบรมราชโองการให้เหล่าผู้ชำนาญโรคและสรรพคุณยา รวมทั้งผู้ที่มีตำรายานำเข้ามาถวายและให้กรมหมอหลวงคัดเลือก ให้จดเป็นตำราหลวงสำหรับโรงพระโอสถ และในปี พศ 2359มีพระบรมราชโองการโรดเกล้า กฏหมายพนักงานพระโอสถถวาย
รัชการที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่วเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนธ์วิมลมังคลารามอีกครั้งทรงโรดเกล้า ให้มีการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แผนโบราณแห่งแรก คือโรงเรียนแพทย์แผนวัดโพธิ์ ในงานฉลองวัดโพธิ์สมัยนั้น ทรงดำริว่า อันตำรายาไทยและการรักษาโรคแบบอื่นๆเช่นการบีบนวด ประคบ หมอที่มีชื่อเสียงต่างก็หวงตำราของแต่ละตนไว้เป็นความลับตลอดจนทรงดำริว่า การรักษาโรคทางตวันตกกำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในประเทศสยามและเวลาอันใกล้้น่าจะบดบังรัศมีของการแพทย์โบราณเสียหมดสิ้น สุดท้ายอาจไม่มีตำรายาไทยเหลืออยู่เพื่อประโยชน์ของอนุชนรุ่นหลังก็ได้ จึงทรงประกาศให้ผู้มีตำรับยาแผนโบราณทั้งหลายที่มีสรรพคุณดีและเชื่อถือได้เท่าาที่มีอยู่สมัยนั้น นำมาจารึกเป็นหลักฐานไว้บนหินอ่อน ประดับไว้บนผนังพระอุโบสถ ศาลาราย เสา และกำแพงวิหารคดของพระเจดีย์สี่องค์และตามศาลาต่างๆ ของวัดโพธิ์ ที่ปฏิสังขรณ์ในครั้งนั้น การจารึกนี้เป็นตารายาบอกสมุฏฐานของโรคและวิธีการรักษา และยังได้มีการจัดหาสมุนไพรที่ใช้ปรุงยาสมุนไพร และหายากมาปลูกไว้ในวัดโพธิ์เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นได้ทรงให้ปั้นรูปฤาษีดัดตนในท่าต่างฟ เพื่อช่วยให้ผู้ประสงค์ฝึกำตนเป็นแพทย์ หรือหาทางบำบัดตนได้ศึกษาเป็นสาธารณะทาน นับว่าเป็นการจัดการศึกษาให้กับประชาชนรูปแบบหนึ่ง ตำรายาเหล่านี้พอจะทราบกันดีในบรรดาหมอไทยว่า ตำรายาดีจริงๆนั้น คงไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างแท้จริงแต่ก็เป็นอนุสรณ์และเป็นโรงเรียนแพทย์ของเมืองไทย รัชสมัยนี้มีการนำเอาการแพทย์แผนตวัตตกเข้ามาเผยแพร่โดยคณะมิชชันนารี่ชาวอเมริกัน โดยการนำของนายแพทย์แดนบีชบรัดเลย์ ซึ่งคนไทยเรียกว่า หมอบรัดเลย์ เช่นการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ การใช้ยาเม็ด ควินินรักษาโรคไข้จับสั่น เป็นต้น
รัชการที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้้นำการแพทย์แผนตะวันตกมาใช้มากขึ้ันเช่นการสูติกรรมสมัยใหม่ แต่ไม่สารถให้ประชาชนเปลี่ยนความนิยมได้เพราะการรักษาพยาบาลแผนโบราณของไทย เป็นจารีตประเพณี และวัฒนธรรมสืบเนื่องกันมานานและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของไทย
รัชกาลที่ 5พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาราชมีการจัดตั้งศิราชพยาบาลใน พศ 2431 มีการเรียนการสอนและให้การรักษาทั้งการแพทยฺแผนโบราณและแผนตวันตกควบคู่กันไปทั้งสองอย่างร่วมกันหลักสูตร 3 ปีการจัดการเรียนการสอนและบริการรักษาการแพทย์ทังสองทั้งแผนโบราณและแผนตะวันตกร่วมกันเป็นไปด้วยความยากลำบากเข้ากันไม่ได้เพราะระบบมันไม่สอดคล้องกัน มีการขัดแย้งระหว่างผู้สอนและผู้เรียนเป็นอย่างมากด้วยหลักการและแนวคิด และวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน ทำให้ยากที่จะผสมผสานกันได้ มีการพิมพ์ตำราแพทย?สำหรับใช้ในโรงเรียนแพทย์เป็นครั้งแรกในปี พศ 2438 โดยพญาพิษณุ ชื่อตำรา แพทย์ศาสตร์สังเขป 3 เล่ม ซึ่งยังคงใช้เป็นตำรายามาจนถึงปัจจุบัน
รัชการที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการสั่งยกเลิกวิชาการแพทย์แผนโบราณและต่อมาในปี พศ 2466 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัคิการแพทย์ เป็นการควบคุมการประกอบโรคศิลป์ะ เพื่อป้องกันอันตราที่อาจเกิดกับประชาชนอันเนื่องมาจากการประกอบโรคศิลป์ขอองผู้ที่ไม่มีความรู้และมิได้ฝึกหัดด ด้วยความไม่พร้อมในด้านการเรียนการสอน และการประชาสัมพันธ์ทำให้หมอพื้นบ้านจำนวนมากกลัวถูกจับ จึงเลิกประกอบอาชีพนี้ บ้างก็เผาตำราทิ้ง บิดาของข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้ความชำนาญในวิชาแพทย์โบราณ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจาก ปู่คล้าย สมัยรัชการที่3 ต้องหมดอาชีพ ยาสมุนไพรเต็มบ้านตัองทำลายทิ้งไป ข้าเจ้าเกิดมาทันประมาณ พศ 2484-2494 ได้ช่วยพ่อ ชั่งยาตามที่คนมาเจียดยา และตามที่พ่อหมอ จ๋าย หลงศิริ ได้ปรุงกัน ด้วยการบด การต้ม มีคาถากำกับ โดยการชั่งยา ใช้เหรียญบาทเป็นมาตราวัด เช่นยาหนักสองบาท ก็ชั่งโดยใช้เหรียญบาท สองอันเป็นต้น ต่อมาบิดาของข้าพเจ้าก็ได้ถึงแก่กรรมโดยโรคชราเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ พศ 2498 ตำราก้ได้ตกทอดมายังพี่ชายคนโต ชื่อ สายบัว หลงศิริ และได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว พศ พศ 2553 เหลือตำราได้ตกทอดมา ถึงข้าพเจ้า เอามาทำยาสมุนไพร ร่วมกับโหลนของ หมอจ๋าย หลงศิริ ชื่อ จิรายุกุล หลงศิริ ซึ่งมีความรู้เรื่องสมุนไพรได้ปราชญ์เปรื่องเป็นที่เรื่องลือ ทำให้สรรพคุณ ยาตำรับหมอจ๋าย ได้ผลดีเป็นที่มหัศจรรย์ เพราะนอกจากจะได้ตำรับยาดีแล้ว เรายังเคารพเชิดชู ผู้มีพระคุณ ต้องกราบไหว้ ขอบารมีจากบรมครู เทพเทวา ให้การกินยาของคนไข้ได้ผล สืบทอดความกตัญญูรู้คุณ ที่ให้ตัวยาสืบทอดมาถึงพวกเรา เอารายได้มาใช้จ่ายแล้วแบ่งไปส่วนหนึ่งเพื่อทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ทุกคนผู้เป็นบรมครู ถ่ายทอดความรู้สู่ตำรามาถึงเรา
รัชการที่ 7พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตรากฏหมายเสนาบดี แบ่งการประกอบโรคศีลป์ออกเป็น แผนปัจจุบัน และ แผนโบราณโดยกำหนดไว้ว่า
1 ประเภทแผนปัจจุบัน คือผู้ประกอบโรคศีลป์โดยความรู้จากตำราอันเป็นหลักวิชาการโดยสากลนิยม ซึ่งดำเนินและจำเริญขึ้น โดยอาศัยการศึกษา ตรวจค้น และทดลองของผู้รู้ในทางวิทยาศาสตร์
2 ประเภทแผนโบราณ คือ ผู้ประกอบโรคศีลป์โดยอาศัยความสังเกตุ ความชำนาญ อันได้สืบต่อกันมาเป็นที่ตั้ง หรืออาศัยตำราอันที่มาแต่โบราณ มิได้ดำเนินไปในทางวิทยาศาสตร์
รัชการที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในรัชสมัยนี้มีการจัดตั้งสมาคมของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ ได้ก่อตั้งขึ้นที่วัดโพธิ์ กรุงเทพ ปี พศ 2500นับแต่นั้นมา สมาคมต่างๆ ก็ได้แตกสาขาออกไป ปัจจุบันก็มีโรงเรียนแพทย์แผนโบราณที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นจำนวนมากทั้งในกรุงเทพ และตางจังหวัดในปี พศ 2525 ได้ก่อตั้งโรงเรียนอยุรเวทวิทยาลัยหรือ ชีวกโกมารภัจจ์ ได้ทำการอบรมศึกษาด้านการแพทย์แผนโบราณแบบประยุกต์มาจนกระทั่งทุกวันนี้
herb for health by www.patsiri.com contact 0866549864
http://www.bom5.com/8858
ประวัติการแพทย์แผนโบราณ นั้นเริ่มมีบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งในสมัยนั้นมีชายผู้หนึ่ง ชื่อ ชีวกโกมารภัจจ์ มีความสนใจศึกษาวิชาการแพทย์ เพราะเห็นว่าเป็นวิชาชีพ ที่ไ่ม่เบียดเบียฬผู้ใดท่านเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ปราถนาที่จะให้มนุษย์มีความสุข จึงได้ไปศึกษาวิชาการแพทย์ ในสำนัก ทิศาปาโมกข์ แห่งเมืองตักศิลา ท่านเป็นผู้ที่ฉลาดมีความสามารถ ในการเรียนรู้เรียนได้มากเรียนได้เร็วความทรงจำดี ใช้เวลาเรียนน้อยกว่าผู้อื่น เมื่อจบวิชาการแพทย์แล้ว สามารถรักษาคนไข้ครั้งเดียวหายได้ในเวลาต่อมาพระเจ้าพิม0พิศาล ทรงประชวรด้วยโรคริดสีดวง ทวาร ก็ทรงโปรดให้หมอชีวกเข้าไปถวายการรักษาด้วยการทายาเพียงครั้งเดียวก็หาย จึงโปรดให้เป็นแพทย์หลวงประจำพระองค์ และบำรุงพระสงฆ์ นับว่าหมอชีวกโกมารภจน์ เป็นแพทย์ผู้มีความรู้ ความสามารถสมัยพุทธกาลมีผู้เคารพยกย่องมากมาย
ประวัติการแพทย์แผนโบราณในประเทศไทย
การแพทย์แผนโบราณก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินธิ์
ประวัติการแพทย์แผนโบราณในประเทศไทยนั้น ได้มีการค้นพบศิลาจารึกของอาณาจักรขอมประมาณปี พศ 1725-1729ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลโดยการสร้างสถานพนาบาล เรียกว่าอโรคยาศาลาโดยมีหน้าที่ทำการรักษาพยาบาล ได้แก่หมอ พยาบาล เภสัชกรรวม 92 คนมีพิธีกรรมบวงสรวงพระไภสชยคุรุไวฑูรย์ ด้วยยาและอาหาร ก่อนแจกจ่ายไปยังผู้ป่วย ต่อมามีการค้นพบหินบดยาสมัยทราวาราวดี และศิลาจารึกของพ่อขุนราคำแหงมหาราช ในสมัยสุโขทัยได้บันทึกไว้ว่า ทรงสร้างสวนสมุนไพรขนาดใหญ่บนเขาหลวงหรือเขาสรรพยา เพื่อให้ราษฏรได้เก็บสมุนไพรไปใช้รักษาโรคยามเจ็บป่วย
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ค้นพบบันทึกว่า มีระบบการจัดทายาที่ชัดเจนสำหรับราษฏร มีแหล่งจำหน่ายยาหลายแห่ง ทั้งในและนอกกำแพงเมืองมีการรวบรวมตำรับยาต่างๆ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแพทย์แผนโฌบราณ เรียกว่า ตำราพระโอสถพระนารายณ์ การแพทย์แผนโบราณมีความรุ่งเรืองมากโดยเฉพาะการนวด ในสมัยนั้นการแพทย์แผนตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาท โดยมีมิชชันนารี่ชาวฝรั่งเศษเข้ามาจัดตั้งโรงพยาบาลรักษาโรค แต่ขาดความนิยมจึงได้ล้มเลิกไป
การแพทย์แผนโบราณในสมัยกรุงรัตนโกสินธิ์
รัชการที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธาราม หรือวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ให้ชื่อว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคาคลารามทรงให้รวบรวมและจารึกตำรายา ฤาษีดัดตน ตำราการนวดไว้ตามศาลาราย ส่วนการจัดหายาของทางราชการมีการจัดตั้งกรมหมอและโรงพระโอสถคล้ายกับในสมัยอยุทธยา แพทย์ที่รับราชการเรียกว่าหมอหลวงส่วนหมอที่รักษาราชการทั่วไปเรียกว่า หมอราษฏร หรือหมอเชลยศักดิ์
รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพรพะเจ้าอยู่หัวพระพุทธเลิษหล้านภาลัยทรงเห็นว่าคัมภีร์แพทย์ณโรงพระโอสถสมัยอยุธยานั้นสูญหายไป เนื่องจากตอนนั้นมีสงครามกับพม่า 2 ครั้งบ้านเมืองถูกทำลายและราษฏรรวมทั้งหมอแผนโบราณถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยทำให้ตำรายาและข้อมูลเกี่ยวกับการแพทย์ของไทยถูกทำลายไปด้วยจึงมีพระบรมราชโองการให้เหล่าผู้ชำนาญโรคและสรรพคุณยา รวมทั้งผู้ที่มีตำรายานำเข้ามาถวายและให้กรมหมอหลวงคัดเลือก ให้จดเป็นตำราหลวงสำหรับโรงพระโอสถ และในปี พศ 2359มีพระบรมราชโองการโรดเกล้า กฏหมายพนักงานพระโอสถถวาย
รัชการที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่วเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนธ์วิมลมังคลารามอีกครั้งทรงโรดเกล้า ให้มีการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์แผนโบราณแห่งแรก คือโรงเรียนแพทย์แผนวัดโพธิ์ ในงานฉลองวัดโพธิ์สมัยนั้น ทรงดำริว่า อันตำรายาไทยและการรักษาโรคแบบอื่นๆเช่นการบีบนวด ประคบ หมอที่มีชื่อเสียงต่างก็หวงตำราของแต่ละตนไว้เป็นความลับตลอดจนทรงดำริว่า การรักษาโรคทางตวันตกกำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในประเทศสยามและเวลาอันใกล้้น่าจะบดบังรัศมีของการแพทย์โบราณเสียหมดสิ้น สุดท้ายอาจไม่มีตำรายาไทยเหลืออยู่เพื่อประโยชน์ของอนุชนรุ่นหลังก็ได้ จึงทรงประกาศให้ผู้มีตำรับยาแผนโบราณทั้งหลายที่มีสรรพคุณดีและเชื่อถือได้เท่าาที่มีอยู่สมัยนั้น นำมาจารึกเป็นหลักฐานไว้บนหินอ่อน ประดับไว้บนผนังพระอุโบสถ ศาลาราย เสา และกำแพงวิหารคดของพระเจดีย์สี่องค์และตามศาลาต่างๆ ของวัดโพธิ์ ที่ปฏิสังขรณ์ในครั้งนั้น การจารึกนี้เป็นตารายาบอกสมุฏฐานของโรคและวิธีการรักษา และยังได้มีการจัดหาสมุนไพรที่ใช้ปรุงยาสมุนไพร และหายากมาปลูกไว้ในวัดโพธิ์เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นได้ทรงให้ปั้นรูปฤาษีดัดตนในท่าต่างฟ เพื่อช่วยให้ผู้ประสงค์ฝึกำตนเป็นแพทย์ หรือหาทางบำบัดตนได้ศึกษาเป็นสาธารณะทาน นับว่าเป็นการจัดการศึกษาให้กับประชาชนรูปแบบหนึ่ง ตำรายาเหล่านี้พอจะทราบกันดีในบรรดาหมอไทยว่า ตำรายาดีจริงๆนั้น คงไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างแท้จริงแต่ก็เป็นอนุสรณ์และเป็นโรงเรียนแพทย์ของเมืองไทย รัชสมัยนี้มีการนำเอาการแพทย์แผนตวัตตกเข้ามาเผยแพร่โดยคณะมิชชันนารี่ชาวอเมริกัน โดยการนำของนายแพทย์แดนบีชบรัดเลย์ ซึ่งคนไทยเรียกว่า หมอบรัดเลย์ เช่นการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ การใช้ยาเม็ด ควินินรักษาโรคไข้จับสั่น เป็นต้น
รัชการที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้้นำการแพทย์แผนตะวันตกมาใช้มากขึ้ันเช่นการสูติกรรมสมัยใหม่ แต่ไม่สารถให้ประชาชนเปลี่ยนความนิยมได้เพราะการรักษาพยาบาลแผนโบราณของไทย เป็นจารีตประเพณี และวัฒนธรรมสืบเนื่องกันมานานและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของไทย
รัชกาลที่ 5พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาราชมีการจัดตั้งศิราชพยาบาลใน พศ 2431 มีการเรียนการสอนและให้การรักษาทั้งการแพทยฺแผนโบราณและแผนตวันตกควบคู่กันไปทั้งสองอย่างร่วมกันหลักสูตร 3 ปีการจัดการเรียนการสอนและบริการรักษาการแพทย์ทังสองทั้งแผนโบราณและแผนตะวันตกร่วมกันเป็นไปด้วยความยากลำบากเข้ากันไม่ได้เพราะระบบมันไม่สอดคล้องกัน มีการขัดแย้งระหว่างผู้สอนและผู้เรียนเป็นอย่างมากด้วยหลักการและแนวคิด และวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน ทำให้ยากที่จะผสมผสานกันได้ มีการพิมพ์ตำราแพทย?สำหรับใช้ในโรงเรียนแพทย์เป็นครั้งแรกในปี พศ 2438 โดยพญาพิษณุ ชื่อตำรา แพทย์ศาสตร์สังเขป 3 เล่ม ซึ่งยังคงใช้เป็นตำรายามาจนถึงปัจจุบัน
รัชการที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการสั่งยกเลิกวิชาการแพทย์แผนโบราณและต่อมาในปี พศ 2466 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัคิการแพทย์ เป็นการควบคุมการประกอบโรคศิลป์ะ เพื่อป้องกันอันตราที่อาจเกิดกับประชาชนอันเนื่องมาจากการประกอบโรคศิลป์ขอองผู้ที่ไม่มีความรู้และมิได้ฝึกหัดด ด้วยความไม่พร้อมในด้านการเรียนการสอน และการประชาสัมพันธ์ทำให้หมอพื้นบ้านจำนวนมากกลัวถูกจับ จึงเลิกประกอบอาชีพนี้ บ้างก็เผาตำราทิ้ง บิดาของข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้ความชำนาญในวิชาแพทย์โบราณ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจาก ปู่คล้าย สมัยรัชการที่3 ต้องหมดอาชีพ ยาสมุนไพรเต็มบ้านตัองทำลายทิ้งไป ข้าเจ้าเกิดมาทันประมาณ พศ 2484-2494 ได้ช่วยพ่อ ชั่งยาตามที่คนมาเจียดยา และตามที่พ่อหมอ จ๋าย หลงศิริ ได้ปรุงกัน ด้วยการบด การต้ม มีคาถากำกับ โดยการชั่งยา ใช้เหรียญบาทเป็นมาตราวัด เช่นยาหนักสองบาท ก็ชั่งโดยใช้เหรียญบาท สองอันเป็นต้น ต่อมาบิดาของข้าพเจ้าก็ได้ถึงแก่กรรมโดยโรคชราเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ พศ 2498 ตำราก้ได้ตกทอดมายังพี่ชายคนโต ชื่อ สายบัว หลงศิริ และได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว พศ พศ 2553 เหลือตำราได้ตกทอดมา ถึงข้าพเจ้า เอามาทำยาสมุนไพร ร่วมกับโหลนของ หมอจ๋าย หลงศิริ ชื่อ จิรายุกุล หลงศิริ ซึ่งมีความรู้เรื่องสมุนไพรได้ปราชญ์เปรื่องเป็นที่เรื่องลือ ทำให้สรรพคุณ ยาตำรับหมอจ๋าย ได้ผลดีเป็นที่มหัศจรรย์ เพราะนอกจากจะได้ตำรับยาดีแล้ว เรายังเคารพเชิดชู ผู้มีพระคุณ ต้องกราบไหว้ ขอบารมีจากบรมครู เทพเทวา ให้การกินยาของคนไข้ได้ผล สืบทอดความกตัญญูรู้คุณ ที่ให้ตัวยาสืบทอดมาถึงพวกเรา เอารายได้มาใช้จ่ายแล้วแบ่งไปส่วนหนึ่งเพื่อทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ทุกคนผู้เป็นบรมครู ถ่ายทอดความรู้สู่ตำรามาถึงเรา
รัชการที่ 7พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตรากฏหมายเสนาบดี แบ่งการประกอบโรคศีลป์ออกเป็น แผนปัจจุบัน และ แผนโบราณโดยกำหนดไว้ว่า
1 ประเภทแผนปัจจุบัน คือผู้ประกอบโรคศีลป์โดยความรู้จากตำราอันเป็นหลักวิชาการโดยสากลนิยม ซึ่งดำเนินและจำเริญขึ้น โดยอาศัยการศึกษา ตรวจค้น และทดลองของผู้รู้ในทางวิทยาศาสตร์
2 ประเภทแผนโบราณ คือ ผู้ประกอบโรคศีลป์โดยอาศัยความสังเกตุ ความชำนาญ อันได้สืบต่อกันมาเป็นที่ตั้ง หรืออาศัยตำราอันที่มาแต่โบราณ มิได้ดำเนินไปในทางวิทยาศาสตร์
รัชการที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในรัชสมัยนี้มีการจัดตั้งสมาคมของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ ได้ก่อตั้งขึ้นที่วัดโพธิ์ กรุงเทพ ปี พศ 2500นับแต่นั้นมา สมาคมต่างๆ ก็ได้แตกสาขาออกไป ปัจจุบันก็มีโรงเรียนแพทย์แผนโบราณที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นจำนวนมากทั้งในกรุงเทพ และตางจังหวัดในปี พศ 2525 ได้ก่อตั้งโรงเรียนอยุรเวทวิทยาลัยหรือ ชีวกโกมารภัจจ์ ได้ทำการอบรมศึกษาด้านการแพทย์แผนโบราณแบบประยุกต์มาจนกระทั่งทุกวันนี้
herb for health by www.patsiri.com contact 0866549864
http://www.bom5.com/8858
วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554
สมุนไพรไทยตำรับหมอจ๋าย สั่งได้ที่ 028107832
บันทึกของคุณถูกสร้างแล้ว
028107832 086803065
stritep brand by mohjai herbal textbook for good health and beauty skin care ,see more detailed atwww.patsiri.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)